กลายเป็นเหตุอุกอาจขึ้น เมื่อชายชาวญี่ปุ่นไล่ แทงคนบนรถไฟญี่ปุ่น ส่งผลให้มีผู้ได้รับบาดเจ็บสิบราย สารภาพเห็นคนมีความสุขแล้วโมโห เมื่อวันที่ 7 สิงหาคม สำนักข่าว BBC รายงานว่า เจ้าหน้าที่ตำรวจได้เข้าจับกุมชายชาวญี่ปุ่นวัย 36 ปี หลังเขาได้ลงมือก่อเหตุไล่แทงผู้โดยสารบนรถไฟใกล้สถานี เซโจกาคุเอน เมื่อช่วงเวลา 20.40 น. ตามเวลาท้องถิ่น ส่งผลให้มีผู้ได้รับบาดเจ็บสิบราย
โดยผู้ได้รับบาดเจ็บส่วนใหญ่ได้รับบาดเจ็บเล็กน้อย เว้นเสียแต่นักเรียนหญิงที่ได้รับบาดเจ็บสาหัสจากเหตุอุกอาจในครั้งนี้
ด้านเจ้าหน้าที่ตำรวจระบุว่าผู้ต้องหาได้กระโดดลงก่อนจะวิ่งหนีบนรางรถไฟหลังจากที่ขบวนรถไฟหยุดจอดฉุกเฉิน อย่างไรก็ตามคนร้ายได้หนีไปยังร้านสะดวกซื้อใกล้ที่เกิดเหตุ พร้อมบอกกับพนักงานว่าเขาเป็นผู้ต้องสงสัยในเหตุดังกล่าว และเขาเหนื่อยที่จะวิ่งหนีแล้ว
จากการสอบปากคำทำให้ทราบว่าชายวัย 36 ปีสารภาพว่าสาเหตุที่เขาก่อเหตุครั้งนี้ เนื่องจากเขาเห็นผู้หญิงคนหนึ่งบนขบวนรถไฟ มีความสุข และทำให้เรารู้สึกโมโหและอยากจะฆ่าพวกเขา
แต่ภายหลังจากการหย่าขาดไปได้สักพัก ทาง จอห์นนี เดปป์ ก็ได้มีการระแคะระคายเกี่ยวกับเงินจำนวนดังกล่าวที่จ่ายให้กับทางอดีตภรรยาไป เนื่องจากเจ้าตัวนั้นไม่เชื่อว่าเธอจะนำเงินก้อนดังกล่าวไปบริจาคทั้งหมด จึงได้ทำการยื่นเรื่องต่อศาลเพื่อขออนุญาตให้มีการตรวจสอบเงินจำนวนดังกล่าว
จนล่าสุด ศาลนิวยอร์กได้ตัดสินว่า จอห์นนี เดปป์ มีสิทธิ์ที่จะขอดูข้อมูลการบริจาคเงินจากองค์กรทั้งสองแห่ง ในขณะที่ทางทนายความของ แอมเบอร์ เฮิร์ด ได้ชี้แจงระหว่างการไต่สวน เผย ในตอนนี้ทางนักแสดงสาวกำลังอยู่ในขั้นตอนของการทยอยบริจาคเงิน พร้อมทั้งยอมรับว่าตอนนี้ยังไม่ได้บริจาคเงินออกไป ‘ทั้งหมด’ อย่างที่เจ้าตัวเคยกล่าว
โดยอ้างว่าเธอต้องใช้เงินจำนวนดังกล่าวเพื่อสู้คดีกับทางอดีตสามีในคดีหมิ่นประมาท เบื้องต้นทางทนายความออกมาเปิดเผยยอดเงินที่ แอมเบอร์ เฮิร์ด ได้บริจาคให้กับองค์กรไปแห่งละกว่า 1 ล้านเหรียญฯ
เจ้าหน้าที่ตำรวจในสหรัฐฯ ได้เข้าจับกุมชาวเมียนมาสองคนที่วางแผน สังหารทูตยูเอ็นเมียนมา ที่เคยชูสามนิ้วต่อต้านรัฐประหารเมียนมา เมื่อช่วงต้นปีที่ผ่านมา เมื่อวันที่ 7 สิงหาคม สำนักข่าว รอยเตอร์ ได้เข้าจับกุมชาวเมียนมา จำนวนสองคนได้แก้นาย พิวไห่ทด วัย 28 ปี และเฮียไห่ซอ วัย 20 ปี
ในฐานะผู้วางแผนก่อเหตุสังหารหรือทำร้ายร่างกา นาย จ่อโมทุน ทูตของสหประชาชาติ หรือ UN ที่ชูสามนิ้วกลางต่อต้านการก่อรัฐประหารในเมียนมาในที่ประชุมจนกลายเป็นเหตุฮือฮามาก่อนหน้านี้
พิวไห่ทด ได้ให้ปากคำกับ FBI ว่าเขาได้รับการติดต่อจากพ่อค้าอาวุธในประเทศไทย ให้ทำร้ายร่างกายนาย จ่อโมทุน เพื่อขู่ให้ทูตของสหประชาชาติคนดังกล่าวลงจากตำแหน่ง หากนาย จ่อโมทุน ยังคงปฏิเสธ ก็ให้สามารถฆ่าได้ทันที ซึ่งเขาตกลงว่าเขาจะดัดแปลงรถยนต์ของนาย จ่อโมทุน และทำให้เกิดอุบัติเหตุ
อย่างไรก็ตามในขณะนี้ยังไม่มีการเปิดเผยถึงตัวตนของพ่อค้าอาวุธที่ถูกกล่าวอ้างในครั้งนี้คือใคร ซึ่งทางเจ้าหน้าที่จะทำการสืบสวนต่อไป ย้อนกลับไปก่อนหน้านี้ นาย จ่อโมทุน ให้สัมภาษณ์ว่ากับสื่อต่างประเทศว่า มีการคุกคามเขา และทางการสหรัฐฯ ได้เพิ่มความปลอดภัยให้กับเขาแล้ว
ญี่ปุ่น เผยพบผู้เกี่ยวข้อง โอลิมปิก ติด โควิด เพิ่ม 31 ราย
สื่อญี่ปุ่น เผย นักกีฬาและทีมงานที่เกี่ยวข้องกับ โอลิมปิก ติด โควิด เพิ่ม 31 ราย ถือเป็นจำนวนผู้ป่วยใหม่ต่อวันที่สูงสุดต่อเนื่องเป็นวันที่สอง เมื่อวันที่ 5 สิงหาคม สำนักข่าว เคียวโด รายงานว่า คณะกรรมการจัดมหกรรมกีฬาโอลิมปิกฤดูร้อนในกรุงโตเกียวได้ออกมาเปิดเผยว่าพบผู้ที่เกี่ยวข้องกับการแข่งขันโอลิมปิกติดโควิดรายใหม่ 31 ราย ซึ่งถือเป็นวันที่สองติดต่อกันที่พบผู้ป่วยสูงสุด นับตั้งแต่มีการแข่งขันโอลิมปิกขึ้น
โดยจากการพบผู้ป่วยในวันนี้ ทำให้ยอดผู้ป่วยสะสมที่เกี่ยวข้องกับโอลิมปิกตั้งแต่ต้นเดือนกรกฎาคมอยู่ที่ 353 ราย ทางคณะกรรมการยังได้เปิดเผยอีกว่าหนึ่งในผู้ติดเชื้อใหม่เป็นนักกีฬาระบำใต้น้ำจากประเทศกรีซ ซึ่งถือเป็นคลัสเตอร์ที่กำลังระบาดหนักในขณะนี้ โดยปัจจุบันพบผู้ป่วย 6 รายจากสมาชิก 12 คนของทีมระบำใต้น้ำ ทั้งนี้จำนวนผู้ป่วยใหม่ที่มาจากโอลิมปิกจะไม่ถูกนับรวมกันกับจำนวนผู้ป่วยใหม่ที่ถูกประกาศโดยทางการญี่ปุ่น
WHO ออกมาวอนขอให้มหาอำนาจให้ หยุดฉีดวัคซีนกระตุ้น หรือ บูสเตอร์ เพื่อช่วยเหลือให้ประชาชนในประเทศยากจนได้ฉีดวัคซีนโควิด เมื่อวันที่ 4 สิงหาคม สำนักข่าว BBC รายงานว่า นาย เทดรอส อดานอม เกเบรเยซุส ผู้อำนวยการใหญ่องค์การอนามัยโลก (WHO) ได้ออกมาวอนให้ประเทศมหาอำนาจหยุดฉีดวัคซีนกระตุ้นเข็มสาม หรือ บูสเตอร์ ให้กับประชาชน โดยให้เหตุผลว่าวัคซีนที่นำไปใช้กระตุ้น สามารถนำไปฉีดให้กับประชาชนร้อยละ 10 ในทุกประเทศ
โดยการแถลงการครั้งนี้เกิดขึ้น หลังจากที่ประเทศเยอรมนี และ ประเทศอิสราเอล ประกาศว่าจะฉีดวัคซีนเข็มสามให้กับประชาชน หลังจากที่โควิดกลายพันธุ์เชื้อสายต่างๆระบาดเพิ่งขึ้นในช่วงที่ผ่านมา
ผู้อำนวยการใหญ่องค์การอนามัยโลก กล่าวว่าในขณะนี้กลุ่มประเทศยากจนมีอัตราการฉีดวัคซีนที่ตามหลังประเทศอื่นๆ พร้อมยกสถิติขึ้นมาว่า ประชาชนในกลุ่มประเทศดังกล่าว จะได้รับวัคซีนเพียง 1.5 โดส ต่อ 100 คนเท่านั้น
เครดิต : รีวิวซีรี่ย์เกาหลี | ลายสัก | รีวิวร้านอาหาร | โทรศัพท์มือถือ ราคาถูก | เรื่องย่อหนัง